Dennis Bergkamp Part 1

เดนนิส เบิร์กแคมป์

     ถ้าพูดถึงตำนานของทีมปืนใหญ่ "อาร์เซน่อล" คงไม่มีใครคิดที่จะกาชื่อนักเตะเจ้าของฉายา "ดิ ไอซ์แมน" ทิ้ง เพราะเขาเป็นที่ยอมรับว่าคือ สุดยอดกองหน้าคนหนึ่งในยุคที่เขาเล่นอยู่นั้น อดีตตำนานดาวยิงชาวดัตช์ได้ผันตัวมาเป็นโค้ชทีมเด็กรุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี บทความนี้จะเป็นบทสัมภาษณ์ของ "เดนนิส เบิร์กแคมป์" ในด้านที่คุณอาจจะยังไม่เคยเห็น


ใครคือฮีโร่ในวัยเยาว์ของคุณ?

"ผมปลื้ม เกล็น ฮ็อดเดิ้ล มาก เขาโดดเด่นในเรื่องเทคนิค เล่นฟุตบอลได้ทั้ง 2 เท้า จับบอลได้อย่างนิ่มนวล วางบอลฉมัง ผมยังคงชื่นชมเขาจนถึงทุกวันนี้"

คุณออกอาการยังไงบ้างตอนที่ทราบว่า อาแจ๊กซ์ อยากจะได้ตัวคุณไปร่วมทีม ทั้งๆ ที่อายุแค่ 12 ปีเท่านั้น?

"พวกเขาทาบทามผมครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี แต่พ่อแม่ผมท่านเป็นคนธรรมดาสามัญชนคิดว่า จะมาหว่านล้อมวาจาหลอกพวกเขา ดังนั้นพวกท่านจึงตอบกลับไปว่า ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา แค่อยากให้สนุกกับการเล่นฟุตบอลไปอย่างเดียวก่อน แต่ในปีต่อมา อาแจ๊กซ์ เข้ามาคุยอีกครั้ง เมื่อนั้นผมจึงไปอยู่ อาแจ๊กซ์"

คุณทำอย่างไรกับการมีจิตใจสงบนิ่งภายใต้ความกดดัน เป็นเพราะการฝึกฝนมานานหลายปีหรือคุณเป็นแบบนี้อยู่แล้ว?

"ผมเป็นคนมีสมาธิแน่วแน่ ผมไม่ได้แสดงอารมณ์ให้ใครเห็น ผมเคยบอกกับลูกทีมระหว่างฝึกซ้อมว่า เล่นไปยิ้มไป แต่พวกเขาสวนกลับไปว่า แล้วทำไมโค้ชไม่ยิ้มบ้างล่ะ"

คุณเป็นดาวซัลโวลีกดัตช์ 3 สมัยติดต่อกันโดยซัดไปกว่าร้อยประตู คุณเปลี่ยนตัวเองจากที่ควรจะเป็นยอดดาวยิงทีม อาแจ๊กซ์ มาเป็นนักเตะที่ทำประตูสวยๆแทน เพราะอะไรถึงเป็นแบบนั้น?

"บทบาทของผมเปลี่ยนไป ทุกคนย่อมรู้กันดีว่าในทีม อาแจ๊กซ์ อาจสลับตำแหน่ง 5 ครั้งในแต่ละเกม ตอนอยู่ทีม อินเตอร์ จะรู้สึกโชคดีแล้วหากได้ลงสนาม ส่วนตอนอยู่กับ อาร์เซน่อล ผมสนุกกับการได้เล่นอยู่หลังกองหน้าตัวเป้า หรือนอกกรอบเขตโทษ มันไม่ใช่สไตล์ผมกับการเข้าไปแปบอลในระยะไม่กีหลาเข้าประตูในเขตโทษ"

รู้สึกยังไงบ้างกับการได้ครองตำแหน่งดาวซัลโวร่วมในทัวร์นาเมนต์สำคัญครั้งแรกในศึกยูโร 92?

"ฮอลแลนด์ได้แชมป์ยูโร 88 ผมติดทีมชาติหลังทีมตกรอบ 2 ฟุตบอลโลก 1990 ผมรู้สึกได้ว่า ตัวเองอยากจะติดทีมชาติและทุ่มเทจนสุดความสามารถ ในความคิดของผมนั้น ศึกยูโร 92 เป็นแค่การทำงานให้เต็มที่ ผมทำประตูได้ในเกมที่พบกับ เยอรมนี และ สกอตแลนด์ รวมทั้งการทำความสำเร็จร่วมกับทีม อาแจ๊กซ์ ถือเป็นย่างก้าวสำคัญมากกว่า"

ผมทราบมาว่า โยฮัน ครัฟฟ์ พยายามบอกให้คุณปฏิเสธโอกาสย้ายไปร่วมทีม อินเตอร์ ทำไมล่ะ?

"เขาไม่ได้พูดอะไรมากหรอก แค่อยากให้ผมไปอยู่ในทีม บาร์เซโลน่า เขาพยายามบอกกับผมมาโดยตลอดว่าให้เลือก บาร์เซโลน่า ทีมเดียวเท่านั้น"



มีปัญหาอะไรบ้างหรือเปล่าระหว่างตัวคุณกับเพื่อนร่วมทีม อินเตอร์?

"ผมไม่เคยมีปัญหากับใครทั้งนั้น สิ่งเดียวที่ผมหวังคงเป็น รูเบน โซซ่า เพราะเราน่าจะจับคู่เล่นได้เข้าขากันได้มากกว่านี้ เขาคงไม่พอใจผม เพราะเล่นไม่ค่อยเข้าขากันเท่าไหร่ในสนาม แต่นอกสนาม พวกเราไม่เคยมีปัญหาอะไรกันทั้งนั้น"

สื่ออังกฤษรับมือได้ง่ายกว่าที่อิตาลีหรือเปล่า?

"สื่อในอังกฤษเคารพเรื่องส่วนตัว ข่วงแรกแทบลอยด์ในอังกฤษวิจารณ์ผมที่คลำเป้ายิงประตูไม่ได้ในช่วง 7-8 เกมแรก อันนั้นพอที่จะรับได้ เพราะผมไม่เคยสนใจ ใครจะว่าอย่างไรกับการเล่นฟุตบอลของผม  แต่ที่อิตาลีพวกเขากลับปั้นเรื่องตลกอยู่เรื่อย ครั้งหนึ่งผมไปตัดผมมา แล้วพวกเขาบอกว่า ผมมีอาการผมร่วงเพราะปรับตัวไม่ได้"

มัสซิโม่ โมรัตติ เคยพูดแซวกับ บรู๊ซ ริอ็อค ว่า "นายถือว่าโชคดีเลยล่ะหาก เบิร์กแคมป์ยิงให้ทีคุณได้ 10 ลูก" คำพูดนี้เป็นแรงกระตุ้นคุณได้มากแค่ไหน?

"ผมแปลกใจอย่างมากที่ได้ยินคำพูดนี้ เขาเป็นคนรักฟุตบอลและเสียใจที่ผมย้ายออกทีม หลังจากลงเล่นได้ 2 ปี "กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลง อยู่กับทีมต่อไปเถอะนะ" ผมตัดสินใจแล้วว่า ไม่อยากจะร้องเพลงรออีกต่อไป และจากกันโดยไม่มีความรู้สึกที่แย่ต่อกันอย่างใด"

ถ้าหากครอบครัวคุรยอมย้ายไปน่วมทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตอนคุณยังเด็ก คงได้เห็นลีลาการเล่นของ เกล็น ฮ็อดเดิ้ล นักเตะคนโปรดเต็มๆตาแล้ว ทำไมถึงเลือกย้ายมากอยู่กับ อาร์เซน่อล

"เดนิส ลอว์ คือนักเตะโปรดของคุณพ่อผม แต่ท่านไม่ได้เป็นแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมเองก็ไม่ได้เป็นสาวกของ สเปอร์ส เช่นกัน ผมแค่เป็นแฟนบอล ฮ็อดเดิ้ลเท่านั้น แผนที่ผมวางไว้คือ หลังจากลงเล่นในอิตาลีแล้ว คือไปค้าแข็งในอังกฤษ ผมชอบความรักฟุตบอลและคนดูที่นั่น แต่ทำไมถึงเป้นอาร์เซน่อล น่ะเหรอ พวกเขาเพิ่งจะคว้าแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ โดยมี เอียน ไรท์ อยู่ในทีมด้วย พวกเขามักจะยึดผู้เล่นหน้าเดิมๆ ในแต่ละเกม 8-9 คน ทีมมีความเสถียรภาพ ผมจึงคิดว่า "ทีมนี่แหละน่าจะเหมาะกับเรา ผมรู้ทันทีเลยว่าตัวเองต้องการเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่แน่ๆ"

อาร์เซน่อล มีชื่อเสียงมากกับวัฒนธรรมชอบดื่มในยุคทศวรรษที่ 90 อย่างเช่นนักเตะอย่าง โทนี่ อดัมส์, พอล เมอร์สัน และ เรย์ พาร์เลอร์ รู้สึกตกใจบ้างหรือเปล่า?

"ผมเองก็ไม่เข้าใจกับเรื่องนี้เหมือนกัน พวกเราบินไปเก็บตัวช่วงปรีซีซั่นที่สวีเดน ฝึกซ้อมกันวันละ 2 ครั้ง ตอนเย็นผมกำลังเดินเล่นกับภรรยา พลันไปเห็นนักเตะ อาร์เซน่อล ทุกคนนั่งกันสลอนอยู่หน้าผับ ผมไม่อยากเชื่อสายตา แต่เรื่องแปลกคือไม่มีทางได้เห็นอาการเมาค้างจากพวเขาระหว่างฝึกซ้อม เพราะมีร่างกายและการทุ่มเท 100 เปอร์เซนเสทอ ผมไม่ดื่มเหล้า พวกเขาเข้าใจเรื่องนี้ ผมรับได้กับวิถีของพวกเขา เพราะเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของอังกฤษ จึงเคารพและเข้าใจเรื่องดังกล่าวดี"

*เนื่องจากบทสัมภาษณ์ยาวมาก ผมจึงแบ่งเป็น 2 ช่วง ติดตามช่วงที่ 2 ได้ที่นี่

ขอบคุณรูปภาพจาก Google
ขอบคุณข้อมูลจากนิตยสาร FourFourTwo